การซื้อกระเป๋า Chanel ถือเป็นการลงทุนหรือไม่

วันที่ 19 สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเกิดของ Coco Chanel ตำนานแห่งวงการแฟชั่น ชาวฝรั่งเศส ผู้ก่อตั้งแบรนด์ระดับโลก Chanel หากเธอมีอายุถึงปีนี้ก็จะครบ 132 ปี หนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องยาวนาน ก็คือ กระเป๋า Chanel Classic Flap ซึ่งเป็นกระเป๋าถือของคุณผู้หญิงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ลายตารางสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด สายสะพายเป็นโซ่โลหะคล้องด้วยสายหนัง ถ้าเป็นขนาด Medium ราคาปัจจุบันในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ $4,900 แต่ราคาที่ขายในประเทศไทยอยู่ที่ 204,700 บาท ถือว่าเป็นกระเป๋าที่ราคาแพงมากเลยทีเดียว

ChanelBagPriceIndex

กระเป๋า Chanel Classic Flap รุ่นนี้ เป็นรุ่นที่พัฒนามาจากกระเป๋ารุ่น 2.55 ซึ่งชื่อรุ่นมาจากเดือนและปีที่ Coco Chanel ได้ออกแบบขึ้นมา นั่นคือ กุมภาพันธ์ 1955 และออกขายด้วยราคาใบละ $220 ต่อมา ในทศวรรษ 1980 Karl Lagerfeld หัวหน้าทีมดีไซเนอร์ของ Chanel ได้ปรับปรุงรุ่น 2.55 มาเป็นรุ่น Classic Flap ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และไม่มีทีท่าว่าจะเสื่อมความนิยมลงแต่อย่างใด

เป็นที่รู้กันในบรรดาแฟนๆ Chanel ว่า กระเป๋า Chanel Classic Flap นั้น ขึ้นราคาทุกปี จากราคา $220 มาเป็นพันกว่าเหรียญในช่วงต้นทศวรรษ 2000 และขึ้นมาถึงสองพันกว่าเหรียญราวๆปี 2006-2007 พอเกิดวิกฤติ Subprime ในปี 2008 ราคาก็ขึ้นในอัตราชะลอลงเพียงปีสองปี และราคาก็ก้าวกระโดดพร้อมๆกับการอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจโลกของ Fed ในรูปแบบของ QE (Quantitative Easing) จนมาอยู่ที่ราคา $4,900 ในปัจจุบัน โดยไม่มีการลดราคาลงเลยแม้แต่ปีเดียว

เว็บไซต์ chanelprices.com ได้ทำดัชนีราคากระเป๋า Chanel Classic Flap Lamp Skin ขนาด Medium (สีน้ำเงิน) และ Jumbo (สีแดง) เปรียบเทียบกับดัชนีหุ้น S&P500 (สีฟ้า) และดัชนีราคาทองคำ (สีทอง) ระหว่างปี 2003-2014 จะเห็นว่า ดัชนีกระเป๋า Chanel เอาชนะทั้งหุ้นและทองคำได้ตลอดช่วงเวลา 11 ปีที่ผ่านมา หากเราคำนวณหาอัตราการเพิ่มขึ้นของราคากระเป๋า Chanel Classic Flap แล้ว พบว่าอยู่ที่ราวๆ 15% ต่อปีเลยทีเดียว ซึ่งหากเราซื้อกระเป๋าชาเนลแล้วเก็บรักษาให้ดี มูลค่าของมันก็เพิ่มขึ้นในอัตรา 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ต่อปี ซึ่งเอาชนะการลงทุนส่วนใหญ่ได้เกือบทั้งหมด

ด้วยตัวเลขที่ว่ามา เหล่าบรรดาภรรยาอาจใช้เป็นเหตุผลกล่อมสามีให้ซื้อกระเป๋า Chanel เพื่อการลงทุนก็ได้ ทางด้านสามีก็อาจอ้างเหตุผลว่า อัตราการเพิ่มของราคาที่ว่ามานั้นเป็นราคากระเป๋าใหม่ ถ้าเราซื้อมาแล้ว มันก็กลายเป็นกระเป๋าเก่า ราคาของมือสองก็ย่อมไม่ดีตามของใหม่แน่ๆ (อันที่จริง ราคากระเป๋ามือสองมันก็เพิ่มตามราคากระเป๋าใหม่เช่นเดียวกัน แต่อาจในอัตราที่ต่ำกว่าบ้าง เหมือนกับบ้านมือสองนั่นแหละ) แล้วเราควรพิจารณาอย่างไร

ผมขอเสนอวิธีคิดอย่างนี้ว่า กระเป๋าแบรนด์เนม มันเป็นของใช้ฟุ่มเฟือย ไม่ใช่ของที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต ถ้าเราไม่ชอบกระเป๋าแบบนี้ ก็ไม่ต้องคิดจะมาลงทุนกับของประเภทนี้ แต่หากชอบขึ้นมาจริงๆ มีแล้วจะใช้งานอย่างมีความสุข ก็อย่าไปคิดเลยว่า ซื้อลงทุนเพื่อเอาไว้ขายต่อในอนาคตให้ได้กำไร เพราะหากชอบมันจริงๆ ก็อาจไม่ยอมขายออกมาก็ได้ พอไม่ยอมขาย กระเป๋าจะมีมูลค่าเพิ่มยังไงก็ไม่สามารถรับรู้เป็นตัวเงินจริงๆได้ แต่ถ้าจะซื้อ ก็น่าจะเป็นเพราะอยากใช้งานมันจริงๆ และมีเงินพอที่จะซื้อวันนี้ เมื่อพร้อมจะซื้อและอยากซื้อ ก็ซื้อได้เลย (อย่าลืมว่าราคากระเป๋าเพิ่มขึ้นปีละ 15% เลยทีเดียว ซื้อปีหน้าย่อมแพงกว่าซื้อปีนี้) และขอย้ำว่า ไม่ควรจะไปกู้ยืมเงินมาซื้อกระเป๋า เพราะดอกเบี้ยบัตรเครดิตหรือสินเชื่อบุคคลที่ 20% ต่อปีมันชนะผลตอบแทนของกระเป๋าที่ 15% แน่ๆ  ถ้ากู้มาซื้อ ยังไงก็ขาดทุน

**************************************************
เขียนโดย พงษ์พันธ์ วงศ์หนองเตย
CelestialStrategist.com
11 สิงหาคม 2559
**************************************************

ภาพประกอบจาก www.chanelprices.com และ chanel.com

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s