Puss in Boots นิทานสอนกลยุทธ์ จับเสือมือเปล่า

กาลครั้งหนึ่ง ชายชรายากจนผู้มีบุตรชาย 3 คนได้ล้มป่วยลง เมื่อเขาสิ้นใจ เขาเหลือสมบัติให้ลูกๆเพียง 3 อย่าง นั่นคือ โรงสีเล็กๆ, ลา และแมว ลูกชายคนโตได้เอาโรงสีไป คนที่สองเอาลาไป เหลือเพียงแมวให้กับ ทอม น้องชายคนสุดท้อง
puss_in_boots_coverทอมกลุ้มใจมากว่าเขากับแมวจะทำมาหากินเอาชีวิตรอดอย่างไร ปรากฏว่า เจ้าแมวตัวนั้นกลายเป็นแมวพูดได้ มันเสนอแผนการว่า ให้หากระสอบหนังกับรองเท้าบู้ตให้มัน แล้วมันจะจัดการเอง เมื่อเจ้าแมวได้ของที่ต้องการ มันก็ใส่รองเท้าบู้ต เอาแครอตใส่กระสอบ และสะพายกระสอบ มุ่งหน้าไปทุ่งนาซึ่งมีกระต่ายมากมาย มันทำเป็นนอนแกล้งตาย เมื่อกระต่ายเข้ามากินแครอตในกระสอบ เจ้าแมวรีบผูกปากกระสอบให้แน่น แล้วมุ่งหน้าไปยังปราสาทเพื่อเข้าเฝ้าพระราชา และทูลฯว่า “ใต้ฝ่าพระบาท ข้าพระองค์ได้รับบัญชาจาก ดยุกแห่งคาราบาส เพื่อนำกระต่ายมาเป็นของขวัญให้พระองค์”

วันต่อมา เจ้าแมวไปที่ทุ่งนาอีก คราวนี้เขาเอาข้าวโพดใส่ในกระสอบ พอเปิดกระสอบ นกกระทาก็บินเข้าไป เขาก็มัดปากกระสอบแล้วเอาไปถวายพระราชาในฐานะตัวแทน ดยุกแห่งคาราบาส หลังจากนั้น เจ้าแมวก็กลายเป็นอาคันตุกะประจำปราสาท

วันหนึ่ง ทอมกับแมวเดินอยู่ริมแม่น้ำ เจ้าแมวรู้ว่า วันนี้พระราชาจะเสด็จพร้อมเจ้าหญิงอราเบลล่าผ่านมาทางนี้ เมื่อรถม้าประจำพระองค์ใกล้มาถึง เจ้าแมวบอกให้ทอมถอดเสื้อผ้าและกระโดดลงไปในแม่น้ำ ทอมทำตามอย่างงงๆ ฝ่ายแมวก็ตะโกนว่า “ช่วยด้วย! ช่วยเจ้านายข้า ดยุกแห่งคาราบาสด้วย” เมื่อราชรถผ่านมาถึง พระราชาจำเจ้าแมวได้เลยให้ทหารช่วยทอมขึ้นมา แล้วให้คนรับใช้ไปหาชุดของเจ้าชายมาให้ พระราชาและเจ้าหญิงจึงรู้จักทอมในฐานะ ดยุกแห่งคาราบาส แล้วทั้งหมดก็ร่วมทางกันไปส่งดยุกแห่งคาราบาสที่ปราสาท แต่เจ้าแมวรีบวิ่งนำหน้าไป พร้อมสั่งชาวนาระหว่างทางให้บอกพระราชาว่า ดยุกแห่งคาราบาส เป็นเจ้าของที่นาทั้งหมด มิฉะนั้นเจ้านายของเขาจะสับพวกเขาไปทำเนื้อสับให้หมด ชาวนาตกใจกลัวก็พากันบอกพระราชาตามที่แมวสั่งไว้ เป็นอย่างนี้ไปตลอดทาง

เจ้าแมวนำรถม้าไปจนถึงปราสาทของยักษ์กินคนที่สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์อะไรก็ได้ ยักษ์ให้แมวเข้าไปหวังจะกิน แต่เจ้าแมวกลับท้าทายให้ยักษ์ลองแปลงร่างเป็นสิงโต และต่อมาขอให้แปลงเป็นหนู เมื่อยักษ์หลงกลแปลงร่างเป็นหนู แมวก็รีบตะครุบกินทันที เมื่อพระราชามาถึง ปราสาทก็กลายเป็นของ ดยุกแห่งคาราบาส แล้ว หลังจากการต้อนรับอย่างหรูหรา พระราชาก็ประทับใจในมารยาทและอุปนิสัยของดยุกที่แม้จะมั่งคั่งล้นฟ้า ก็ไม่ลืมตัว ยังต้อนรับพระองค์ด้วยความอ่อนน้อม พระองค์จึงเอ่ยปากให้ดยุกมาแต่งงานกับเจ้าหญิงอราเบลล่า และแล้ว ทอม ก็ได้แต่งงานกับเจ้าหญิง และกลายเป็น เจ้าชาย อยู่กับเจ้าหญิงอย่างมีความสุขในปราสาท เช่นเดียวกับเจ้าแมวเจ้าเล่ห์แสนกล ที่เรียกกันว่า Puss in Boots

นิทานเรื่องนี้ เป็นนิทานพื้นบ้านของยุโรป พบหลักฐานเป็นหนังสือครั้งแรกตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เขาว่ากันว่า ข้อคิดจากเรื่องนี้คือ ให้รู้ถึงความสำคัญของความไม่ย่อท้อต่อสถานการณ์ลำบากและการรู้จักพลิกแพลงสถานการณ์ รวมถึง การรู้จักแต่งตัวและการวางตัวให้เหมาะสม ส่วนผมเองมองว่า นิทานเรื่องนี้แสดงให้เห็นกลยุทธ์ “จับเสือมือเปล่า” อย่างชัดเจน สำหรับคนที่ไม่มีทุนรอนติดตัวมา บางครั้งการใช้กลยุทธ์นี้ก็สามารถพลิกชีวิตขึ้นมาได้

ผมเล่านิทานเรื่องนี้ให้ลูกฟัง พร้อมเตือนเขาไปด้วยว่า แม้ว่าเจ้าแมวจะฉลาดเจ้าเล่ห์จนทำให้เจ้านายเขากลายเป็นเจ้าชายได้ แต่หากพระราชาจับโกหกได้ พวกเขาก็จะหมดความน่าเชื่อถือตลอดไปด้วย ถ้าจะให้ดี ควรรู้จักใช้หัวพลิกแพลง แต่อย่าโกหกอย่างเจ้าแมวเลย สำหรับเราแล้ว ผลของการโกหกมันได้ไม่คุ้มเสียหรอก ในทางกลับกัน ผมก็สอนเขาด้วยว่า สมมติว่าเราเป็นพระราชาในนิทาน เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะไม่ให้ถูกคนอื่นหลอกเช่นกัน บางครั้งคนที่แต่งตัวดูดี ใช่ว่าจะพูดความจริงเสมอไป โลกมันก็เป็นอย่างนี้เอง

*************************************************
โดย พงษ์พันธ์ วงศ์หนองเตย
CelestialStrategist.com
2 ตุลาคม 2558
*************************************************

 

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s