สำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูลแล้ว ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีข่าวอะไรน่าตื่นเต้นเท่ากับการเซ็นสัญญาว่าจ้างผู้จัดการทีมคนใหม่ของสโมสร นั่นคือ เจอร์เกน คล็อปป์ (Jurgen Klopp) อดีตผู้จัดการทีมดอร์ตมุนต์ ที่เคยพาทีมดังกล่าวคว้าแชมป์บุนเดสลีกาของเยอรมันได้ถึง 2 ครั้ง
เมื่อเข้ารับตำแหน่ง เขาถูกคาดหวังทันทีว่าจะนำทีมลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิป ลีกสูงสุดของอังกฤษ ให้ได้ ถ้วยนี้เป็นถ้วยที่ห่างหายไปจากชาวแอนฟีลด์มาแล้วกว่า 25 ปี นี่คือความกดดันที่ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลต้องแบกรับทุกยุคทุกสมัย แต่ยังไม่มีใครทำสำเร็จมาตั้งแต่ปี 1990 แบรนดอน ร็อดเจอร์ เกือบทำสำเร็จเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อน แต่ผ่านไปปีกว่า เขาก็ถูกปลดจากตำแหน่งผู้จัดการทีม
แรงกดดันอย่างนี้ไม่เป็นผลดีต่อการบริหารทีมเลย การที่ผู้เล่นและผู้จัดการทีมต้องทำงานภายใต้แรงกดดันว่าจะต้องคว้าแชมป์ให้ได้ภายในไม่กี่เดือนนั้น เปรียบเสมือนการแบกของหนักๆตลอดเวลา เป็นแรงกดดันไร้สภาพ เพิ่มความเครียด ให้กับทุกคนในทีม จนอาจไม่สามารถเล่นฟุตบอลได้ดีเท่าที่ควรจะเป็น
รายงานข่าว บอกว่า คล็อปป์ได้เจรจาเรื่องนี้กับเจ้าของทีมอยู่นาน เขายืนยันว่า “ไม่มีเป้าหมายอันดับของทีมในฤดูกาลนี้ ทุกคนในทีมจะมุ่งเน้นไปที่การเล่นฟุตบอลตามแบบฉบับที่น่าจดจำ” เช่นเดียวกับ การสัมภาษณ์ครั้งแรกของเขาในตำแหน่งผู้จัดการทีมว่า “การเก็บชัยชนะเป็นสิ่งสำคัญ เช่นเดียวกับการที่คุณจะชนะได้อย่างไร และลงเล่นเกมอย่างไร ผมเชื่อในปรัญญาการเล่นฟุตบอลที่มีอารมณ์ร่วม, มีความรวดเร็ว และมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทีมของผมต้องเล่นอย่างเต็มสูบ และเล่นให้ได้ถึงขีดสุดความสามารถในทุกๆ เกม”
สำหรับทุกท่านที่เข้ารับตำแหน่งงานใหม่ ลองนำเอาเทคนิคของคล็อปป์ไปใช้งานได้ ด้วยการหลีกเลี่ยงที่จะตั้งเป้าอันดับหรือตัวเลขภายในไม่กี่เดือนแรกของการรับตำแหน่ง แต่ให้มุ่งเน้นไปที่แนวทางและวัฒนธรรมการทำงานที่ควรจะเป็นก่อน เมื่อทุกคนในองค์กรไปในทิศทางเดียวกันแล้ว ความสำเร็จย่อมจะตามมาอย่างแน่นอน
ข่าวจาก http://www.liverpoolecho.co.uk/sport/football/football-news/jurgen-klopp-no-liverpool-fc-10242117