ในยุคเรอเนสซองซ์ (Renaissance) ราวศตวรรษที่ 14-17 สาธารณรัฐเวนิส (ปัจจุบันคือ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี) คือศูนย์กลางการค้าของโลก เป็นจุดเชื่อมต่อการค้าระหว่างยุโรป เอเชีย และอาฟริกา ที่นี่เต็มไปด้วยพ่อค้าหลากชาติหลายภาษามาแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน ซึ่งจำเป็นต้องใช้ภาษาสื่อสารกัน แน่นอนว่า การใช้ภาษามือเพื่อบอกจำนวนที่จะแลกเปลี่ยนกันย่อมเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ดังที่ปรากฏในตำราคณิตศาสตร์ เขียนโดย Girolamo Tagliente เมื่อราวๆปี ค.ศ.1515 การใช้ภาษามือได้วิวัฒนาการมาเรื่อยๆซึ่งยังมีใช้ในตลาดหลักทรัพย์บางแห่งยุคปัจจุบัน
ในโลกยุคปัจจุบัน ประเทศจีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ก็ปรากฏว่า มีการใช้สัญลักษณ์มือในการบอกจำนวนเพื่อใช้ในการค้าเช่นกัน โดย เลข 1-5 นั้น ไม่ต่างจากที่เราทราบโดยทั่วไป คือบอกตามจำนวนนิ้วที่ยกขึ้น แต่พอเป็นเลข 6-10 นั้น เป็นการใช้มือทำสัญลักษณ์ให้คล้ายกับตัวเลขในภาษาจีนคือ 6 六 , 7 七 , 8 八 , 9 九 , 10 十
จะเห็นว่า หัวใจสำคัญของการค้าขายคือการสื่อสาร จึงไม่แปลกที่เวนิสในยุคเรอเนสซองซ์ กับจีนในยุคปัจจุบัน ต่างก็มีการใช้สัญลักษณ์มือเพื่อบอกจำนวนตัวเลขในการค้าขาย ดังนั้น หากเราอยากประสบความสำเร็จในการค้าขาย เราก็จำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาอื่นๆเพื่อใช้ในการค้าขายด้วย อย่างที่ จิม โรเจอร์ส เคยเขียนไว้ในหนังสือว่า คนในศตวรรษที่ 21 อย่างน้อยจะต้องรู้ 2 ภาษา นั่นคือ ภาษาอังกฤษ กับภาษาจีน
*******************************
โดย พงษ์พันธ์ วงศ์หนองเตย
CelestialStrategist.com
23 กรกฎาคม 2560
*******************************
(ภาพและข้อมูลเรื่องสัญลักษณ์มือในเวนิส มาจาก บทความ Vision Statement: Market Indicators ในวารสาร Harvard Business Review ฉบับ July-August 2015 หน้า 28-29)